วิธีเลือก Dust Monitor ให้เหมาะกับประเภทปล่องและกระบวนการผลิต

ในยุคที่ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้น เครื่องวัดฝุ่นในปล่องระบาย (Dust Monitor) กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทุกโรงงานอุตสาหกรรมต้องมี เพราะไม่เพียงช่วยตรวจวัดค่าฝุ่นละอองที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมการปล่อยสารมลพิษให้อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ลดความเสี่ยงในการถูกปรับหรือสั่งปิดโรงงาน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีเลือก Dust Monitor ให้เหมาะกับระบบปล่องระบายและสายการผลิต

การเลือก Dust Monitor ไม่ใช่แค่เลือกเครื่องที่ “วัดได้” เท่านั้น แต่ต้อง “เหมาะสม” กับลักษณะของปล่องและกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแม่นยำและความทนทานของอุปกรณ์ ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

1. ประเภทปล่องและอุณหภูมิของไอเสีย

ปล่องแต่ละประเภทมีสภาพการทำงานแตกต่างกัน เช่น

• ปล่องจากหม้อไอน้ำ (Boiler Stack): อุณหภูมิสูง ควรเลือก Dust Monitor ที่รองรับอุณหภูมิได้มากกว่า 200°C
• ปล่องจากกระบวนการผลิตซีเมนต์หรือโลหะ: มักมีฝุ่นหนาแน่น ต้องใช้เทคโนโลยี Electrostatic หรือ Triboelectric ที่ทนต่อการสะสมฝุ่น
• ปล่องจากระบบกรอง (Bag Filter): เน้นตรวจจับฝุ่นละเอียด (PM) หลังกรอง เพื่อเช็กประสิทธิภาพระบบ

2. ความเข้มข้นของฝุ่น (Dust Concentration)

ระดับความเข้มข้นของฝุ่นเป็นอีกตัวแปรที่สำคัญ

• ถ้าฝุ่นหนาแน่นสูง (> 100 mg/m³): แนะนำ Electrostatic Dust Monitor ที่มีความทนทานสูง
• ถ้าฝุ่นต่ำหรือมีการกรองเบื้องต้นแล้ว: Optical Scattering หรือ Light Transmission จะตอบโจทย์มากกว่า

3. ความต่อเนื่องและความถี่ในการวัด

• โรงงานที่ต้องรายงานข้อมูลต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ ควรเลือกเครื่องที่รองรับระบบ Continuous Emission Monitoring System (CEMS)
• หากต้องการตรวจวัดเป็นระยะ ๆ เพื่อการตรวจสอบภายใน อาจเลือกเครื่องแบบ Portable Dust Monitor ที่ยืดหยุ่นกว่า

4. การเชื่อมต่อและระบบ Data Management

Dust Monitor ที่ดีควรรองรับการเชื่อมต่อกับระบบ DAS (Data Acquisition System) หรือ SCADA เพื่อส่งข้อมูลการวัดฝุ่นแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ย้อนหลัง และแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

5. มาตรฐานการรับรองและการสอบเทียบ

อย่าลืมตรวจสอบว่าเครื่องที่เลือกผ่านมาตรฐานเช่น EN 15267, TÜV, หรือ US EPA Approval ซึ่งเป็นหลักประกันความแม่นยำ และควรเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการ Calibration อย่างสม่ำเสมอ

เทคนิคเสริม: เพิ่มประสิทธิภาพ Dust Monitor ในโรงงาน

เพื่อให้เครื่องวัดฝุ่นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรใส่ใจกับสิ่งต่อไปนี้

• ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงโค้งงอหรือบริเวณที่ไหลของก๊าซไม่สม่ำเสมอ
• บำรุงรักษาเป็นประจำ: ทำความสะอาด Probe และ Sensor เพื่อลดความคลาดเคลื่อน
• สอบเทียบตามรอบ: ทุก 6–12 เดือนเพื่อรักษาความแม่นยำ
• เชื่อมต่อระบบแจ้งเตือน: เมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐานจะได้แก้ไขทันที

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Dust Monitor จำเป็นต้องใช้ในโรงงานทุกประเภทหรือไม่?

จำเป็นในโรงงานที่มีการปล่อยก๊าซหรือฝุ่นสู่บรรยากาศ เช่น โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี ซีเมนต์ และอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการเผาไหม้

อายุการใช้งานของเครื่องวัดฝุ่นในปล่องระบายคือเท่าไร?

โดยทั่วไปอยู่ที่ 5–10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการบำรุงรักษา

สามารถใช้ Dust Monitor วัดค่าฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่?

บางรุ่นสามารถตรวจวัดได้ แต่ควรเลือกแบบ Optical หรือ Triboelectric ที่มีความไวสูง หากต้องการข้อมูล PM อย่างละเอียด

เลือก Dust Monitor อย่างมืออาชีพกับ AWJ Innovation

การเลือก Dust Monitor หรือ เครื่องวัดฝุ่นในปล่องระบาย ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้โรงงานปฏิบัติตามข้อกำหนดสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร หากคุณกำลังมองหาโซลูชันครบวงจรด้านการตรวจวัดมลพิษในปล่องระบาย AWJ Innovation พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบระบบ จำหน่าย ติดตั้ง และสอบเทียบโดยทีมวิศวกรมืออาชีพ

AWJ Innovation ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ตรวจจับและวิเคราะห์ก๊าซครบวงจร รองรับภาคอุตสาหกรรมด้วย Gas Detector, CEMS, Biogas Analyzer, Flame Detector และ Calibration Gas พร้อมบริการครบทั้ง จำหน่าย ติดตั้ง เช่า ซ่อมบำรุง และสอบเทียบ ตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งยังมีโซลูชัน ตรวจวัดคุณภาพอากาศ (AQMS, Odor Detector) และ ระบบ CEMS/DAS ที่เชื่อมต่อข้อมูลเรียลไทม์ตามข้อกำหนดภาครัฐ — มอบความแม่นยำและความเชื่อมั่นให้ธุรกิจของคุณอย่างยั่งยืน

ติดต่อสอบถามรายละเอียด

Hotline: 092-275-7369, 081-917-8991
Tel: 02-115-8118
E-mail: sales@awj.co.th
LINE ID: @awjinnovation
Website: https://awj.co.thFax: 02-115-8119